วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฝึกสมาธิด้วยปัญญา


ฝึกสมาธิด้วยปัญญา
การให้โอวาทของผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต 
ณ เขากะลา นครสวรรค์  วันที่ 10 ตุลาคม 2541

(ตอนที่ 7)


...

(ผู้ สูงสุดแห่งดาวพลูโต)  ธรรมะในสำนักไหนก็ตาม  ไม่ว่าจะสอนในสิ่งใด ๆ ก็ตาม  ให้นำไปเทียบเคียงกับสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้  เรียกว่าธรรมะข้อไหนน่ะที่ให้เทียบเคียงว่า  ธรรมะสิ่งใด เป็นไปในทางที่จะปล่อยวาง  ในทางที่จะลด  ในทางที่จะไม่สะสม  หรือเป็นไปในทางที่จะไม่มักใหญ่ใฝ่สูง เป็นธรรมะที่ถูกต้อง  เจ้าไปศึกษากันนะ
 
เพราะฉะนั้น ในสำนักต่าง ๆ  การฝึกสมาธิให้เห็นสิ่งต่าง ๆ  เป็นอุบายนั้น    ถ้าฝึกสมาธิเริ่มจากวิธีนี้  การที่เราจะบรรลุธรรมในขั้นลึก ๆ นั้น  มันอดไม่ได้ที่มันอยากจะเห็น  มันก็จะจินตนาการ  ถ้ามันไม่ได้จริงมันก็จะจินตนาการไปก่อน  เพราะว่าเขาฝึกมาในแนวแบบนั้น  แล้วเจ้าคิดหรือ  แทนที่จะบรรลุธรรมเพื่อที่จะลดละเลิกนั้น  กับการจินตนาการสร้างเสริมเข้าไปนั้น มันสวนทางกัน  เพราะฉะนั้น ศีลธรรมขั้นพื้นฐานของสมาธิวิธีนี้ได้  แต่ที่จะให้บรรลุธรรมลึกในการลดละเลิกนั้น  มันเป็นไปได้ยากที่บุคคลจะไตร่ตรองด้วยปัญญาว่า  สมาธิที่เราฝึกมานี้  เมื่อเห็นแล้วจะไม่ลำพองว่าเรามีความสามารถเหนือมนุษย์  ถ้าจิตไปจับตรงนั้นแป๊บเดียวเอง  ไม่สามารถบรรลุธรรมได้  แล้วเจ้าจะเอายังไง  ตรงนั้นเป็นสมาธิที่ฝึกในเป้าน่ะนะ  แถบกลาง ๆ หรือแถบริม ๆ   
 
เพราะฉะนั้น ข้อดีข้อเสียแต่ละอย่างมันจะมี  แม้แต่เชื้อโรค  เชื้อโรคยังมีข้อดีข้อเสีย เชื้อโรคมีให้เป็นโรคกัน  กับเชื้อโรคมีการทำให้มันแก้โรคกันได้   เพราะฉะนั้น  สมาธินะ  อย่างพวกหมอผีมันเพ่ง ๆ ๆ สมาธิน่ะนะ  จิตมันหลุดมันได้ฌาณเลยนะ  แต่ว่าฌาณของมันเอาไปทำในการคุมพวกผี  เออ...มันก็เป็นไปได้นะ  เพราะฉะนั้น  สมาธิดำมันมี  แต่ถ้าเราจะไม่ให้สมาธิของเราเข้าไปในข่ายสมาธิดำ  เราก็เอาปัญญามาก่อนซิ  นั่งสมาธิไปด้วยฟังธรรมไปด้วย  เอาปัญญามาก่อน  ถ้าปัญญาที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว  ไม่มีทางที่จะเป็นสมาธิดำไปได้  ฟังธรรมประกอบปัญญา  นั่งสมาธิประกอบฟังธรรม
 
เพราะฉะนั้น  สำนักต่าง ๆ นั้น เขาจะทำดี หรือไม่ดีในความคิดของเรานั้น  เราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้  แต่ตัวเราล่ะ  เราทำดวงจิตของตัวเราได้นะ   เจ้าไตร่ตรองด้วยปัญญาของดวงจิตของเจ้า   ไตร่ตรองดูซิเราจะทำแบบนี้ดีไหม  มันเป็นการลด ละ เลิก ไหม  ต้องไตร่ตรองด้วยจิตของตัวเองจริง ๆ  เพราะว่าเราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบดวงจิตของเรานะ  ถ้าเราพลั้งพลาดไปในการทำสมาธิ  หรือในการฟังธรรม  หรือในการปฏิบัติในสายใดก็แล้วแต่   แล้วมันเนิ่นช้าไป  เราก็ต้องรับผิดชอบในดวงจิตของเรา  เจ้าดูซิ...พระพุทธองค์ก็เป็นคนอย่างเรา  ท่านปฏิบัติจนเป็นพระพุทธองค์แล้ว  แล้วเราล่ะ
 
เพราะฉะนั้น  ท่านปฏิบัติถูกทางระยะเวลาเนิ่นนาน  ดวงจิตเรากับดวงจิตท่านก็ระยะเวลาไม่แพ้กันนะ  ไม่ใช่ท่านเกิดมาก่อนเรานะ    เพราะฉะนั้น การสร้างบารมีปัญญามันอยู่ตรงนี้  ใครไปทางตรงใครไปทางอ้อม   เจ้าไปในสมาธิ นึกหรือไปเห็นได้จริง  แต่มันอาจจะเป็นทางอ้อมก็ได้ใช่ไหม  ไปเห็นจนทั่วจักรวาลก่อนแล้วค่อยมาบรรลุธรรม  แต่ว่าตอนนี้  มัน 80, 90 ตายไปก่อน  ไปเกิดในประเทศที่เขาฝึกสมาธิกันอีก 3 ชาติ  แล้วค่อยมาเจอธรรมะ  มันวนกันไปน่ะ  แล้ววนกันมาสักเท่าไรแล้วเนี่ย...หา...
 
ตอน นี้ทางตรงมาแล้ว  ปัญญาในการที่ท่านสอนพวกเจ้าน่ะนะ  อย่าละเลยกัน   ข้าพเจ้าจะบอก  เจอเพชรแล้วไม่หยิบน่ะนะ  เขาเรียกว่า  ลิงได้แก้ว  ไม่อยากเป็นลิงกันใช่ไหม...  หรือว่า  ไก่ได้พลอย  อยากเป็นไก่กันมั๊ย   ตอนนี้ของจริงมาถึงแล้ว  ธรรมะเนื้อหาตัวเน้น ๆ ไม่ต้องไปไตร่ตรองกันนานนะ  ไตร่ตรองกันเป็น 10 ปี 20 ปี ไม่เอานะ  มันจะตายกันก่อน ฟังแล้วปฏิบัติเลย  ใครมีพ่อแม่ฟังธรรมแล้วตัดกรรม  ฟังแล้วปฏิบัติเลยนะ  เวลามันน้อยนะ 
 
ข้าพเจ้ามาบำเพ็ญบารมี  ก็มีความยินดีที่พวกเจ้าได้ฟังธรรม   ซึ่งข้าพเจ้าก็ต้องสั่งสมบารมีเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นการฝึกสมาธิ  เออ...เจ้าฝึกไปกี่ปีล่ะจะได้เท่าข้าพเจ้า  เพราะข้าพเจ้าอยู่มานาน  เกิดมานานเป็นหมื่น ๆ ปีแล้ว  เพราะฉะนั้น  ให้จิตนิ่งได้  ถ้าใช้เวลานาน    แต่ปัญญาตรัสรู้ซิ  มันไม่ได้ทุกคน   เพราะฉะนั้นอินทรีย์แก่กล้าปัญญาตรัสรู้  ต้องใช้การไตร่ตรอง.