วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

การยกระดับจิต เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์


การยกระดับจิต  เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

ข้อความส่วนหนึ่ง ในการให้โอวาทเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2541 ณ เขากะลา


การยกระดับจิต  เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้น  มนุษย์ต่างดาวยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง

การมาปรากฏของจานบิน  ในแต่ละครั้งนั้น  มิใช่มาแบบเลื่อนลอย  ย่อมมีจุดประสงค์  ย่อมมีความสำคัญ 

นั่นคือเพื่อยืนยันให้มีความมั่นใจในสิ่งที่ระบบได้ถ่ายทอดไว้  จานบินมีจริง  มนุษย์ต่างดาวมาจริง และมาเตรียมการแล้วจริง ๆ

เป็นการรับรองในข้อมูลที่มองเห็นได้  สัมผัสได้  ด้วยรูปธรรม   
ดังนั้น  สิ่งที่ระบบได้กล่าวไว้  อาจแตกต่างในรูปแบบ  แต่ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากกฏของธรรมชาติเลย

ดังนั้น  จึงขอนำข้อมูลของมนุษย์ต่างดาว  ที่ส่งผ่านข้อความเสียงผ่านมายังมนุษย์โลก  ให้รับรู้ในโครงการนี้
ซึ่งมีการกล่าวถึงเรื่องของการเตรียมการ  การวางโครงข่าย  การร่วมมือกันทั้ง 3 ภพ  ให้ได้รับทราบ

การ กล่าวถึงนี้  แม้ผ่านมามากกว่า 10  ปี  การเปิดเผยให้เห็นเทคโนโลยี  เริ่มปรากฏมากขึ้น มากขึ้น  เพื่อเป็นการยืนยันในข้อมูลที่ได้เคยกล่าวไว้

ใน เวลาที่มีการถ่ายทอดคลื่นเสียงจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต  ที่เขากะลาแต่ละครั้ง  มักจะปรากฏจานบิน 1 - 2 ลำ  มาลอยอยู่ด้านบน   ให้ผู้รับฟังได้เห็นด้วย 
เสมือนเป็นการยืนยันว่า  "ข้อมูลที่ส่งมานั้น  มาจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต" จริง 

.................................

การถ่ายทอดข้อความจาก....ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต 


จากเทปบันทึกเสียงการสนทนา วันที่ 5 กันยายน 2541 เวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา
หัวหน้ากลุ่มอภิจิต 2000 คุณภัทรพล เจษฏาอภิบาล
(ซึ่งในช่วงหลังจากนั้น ท่านได้เห็นจานบินไปลอยอยู่ที่บ้านท่าน แถวบางนา-ตราด อยู่เสมอ)

 

( คุณภัทรพล) ฟังจากทางกลุ่มเขากะลา บอกว่าให้มนุษย์เข้าทางคุณธรรม คือทางปฏิบัติธรรม   แล้วพวกท่านจากต่างดาวจะมาช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัย อย่างนี้ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ    คือไม่ต้องแก้ทางโลก คือให้หมั่นฝึกทางด้านปฏิบัติธรรม เดี๋ยวท่านก็จะมีโอกาสช่วยตามบารมีของบุคคลท่านนั้น

(คลื่น จากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ข้าพเจ้าจะขอบอกถึงภารกิจของข้าพเจ้า ในการที่จะช่วยเหลือภพมนุษย์ของเจ้าให้รอดพ้นจากภัยพิบัติตามส่วนของผู้ที่ มีบารมีเท่านั้น

สิ่งที่เจ้าได้พูดมาข้าพเจ้าจะขออธิบายเพิ่มเติม ว่า    ภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงยิ่งที่จะเกิดกับโลกของเจ้าทั้งโลกนั้น   ถ้าไม่มีเทพที่จะลงมาช่วยเหลือภพมนุษย์ มันก็แทบจะไม่มีเหลือ ทั้งผู้ที่ไม่มีบารมี และผู้ที่มีบารมีเก่า ก็จะตายกันมากกว่านี้    จะไม่มีการเตรียมการ จะไม่มีการรวมคนที่มีบารมี และที่จะเหลืออยู่ก็แทบจะเป็นบ้าเป็นบอกันไปหมด
และผู้ที่มีบารมีเมื่อ สิ้นชีวิตก็ขึ้นสวรรค์ไป แต่ผู้ที่จะดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ดำรงต่อไปนั้นก็แทบจะไม่มีคุณภาพ ภพมนุษย์ก็แทบจะสูญสิ้นกันไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
.........................................................................................................

เพราะ ฉะนั้น จึงเป็นกฏของธรรมชาติ เป็นกฎของจักรวาล ซึ่งยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใด ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เจ้าเคยรับรู้ ได้เห็น ได้สัมผัส เพราะนั่นอยู่เหนือวิสัยของมนุษย์ที่จะคิดได้
กฎของจักรวาลนั้น เป็นสิ่งที่ทวยเทพ และต่างจักรวาลทั้งหลายต้องลงมาช่วยกันเพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีคุณภาพ ให้มีการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งมีการสืบทอดพระธรรมคำสั่งสอน จะหล่อเลี้ยงจิตใจพวกเขาให้อยู่ต่อไป

ดัง นั้นในประเทศนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนา เป็นประเทศที่มีบารมีคุ้มครอง ทวยเทพทั้งหลายได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้งต่างจักรวาล รวมทั้งข้าพเจ้า และต่างดาวที่มาจากจักรวาลอื่น ได้ประชุมรวมกัน เห็นพ้องต้องกันก่อนที่พวกเจ้าจะลงมาเกิดนี้
ข้าพเจ้า ก็ได้เล็งพระญาณเลือกสถานที่ที่เจ้านั่งกันอยู่นี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการที่เทพทั้งหลายจะอธิษฐานจิตกันลงมา อุบัติลงมาจากเทวโลก

พวกเจ้าคิดรึ ถ้าพวกเขาๆไม่อุบัติลงมาจากเทวโลก ภพมนุษย์ก่อนเก่านี่จะสามารถรักษาธรรมะอันทรงคุณค่าที่พระพุทธองค์ทรงสั่ง สอนไว้ให้อยู่เหลือรอดต่อไปได้   มันไม่ได้หรอกนะ   มันต้องได้รับการรักษาจากผู้ที่มีบุญบารมีจากเทวโลกที่อธิฐานจิต อุทิศตนลงเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ให้ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้อยู่ต่อไป   นั่นคือผู้ที่เสียสละ ให้ภพมนุษย์ได้ยืนหยัดอยู่ต่อไป

ถ้าภพมนุษย์ ไม่ยืนหยัดอยู่ต่อไป ก็ไม่มีโอกาสที่เทวโลกพรหมโลก จะลงมาสร้างบารมี มันต้องมีการช่วยเหลือกันทั้ง 3 ภพนั้น   มันเกี่ยวข้องกันอย่างแยกกันไม่ออก

ฉะนั้นพวกเจ้าที่ได้มานั่งกัน อยู่ที่นี้   รวมทั้ง100 ครอบครัว   ที่ได้เคยบอกไปแล้วนั้นก็คือครอบครัวจากเทวโลกทั้งสิ้น   ครอบครัวที่มีการอธิฐานจิต   มีการอาสา   มีการรับรู้ในโครงการที่จะมาช่วยเหลือในภพมนุษย์   ฉะนั้นผู้ที่มีจิตใจสูงเท่านั้นจึงจะสามารถมาพบในสถานที่นี้ได้  เข้าถึงพระธรรมและดำรงรักษาพระธรรมในสถานที่ที่พวกเขาได้พบกันอยู่นี้   
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ   มันเป็นการกำหนดจากเทวโลก เป็นการเตรียมการ เป็นการสมัครใจของพวกเขาและพวกเจ้าที่นั่งกันอยู่ที่นี้

แต่ ปัญญาในภพมนุษย์มันมีขีดจำกัดในการรับรู้   เจ้าไม่สามารถรำลึกไปถึงอดีต ไม่สามารถมองถึงอนาคต  เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเจ้าทำด้วยความศรัทธานี้   มันไม่ใช่ความศรัทธาที่ไม่มีเหตุ  มันมีเหตุเก่ากันมา จึงมาเป็นพวกเจ้ามาที่ ณ ปัจจุบันนี้

เจ้า ไม่ต้องแปลกใจ   ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้   พวกเจ้าก็จะได้พบสิ่งปาฏิหารย์ที่ข้าพเจ้า และดวงดาราอื่น ๆ  จะมาร่วมกัน   เพื่อที่จะทำให้ภพมนุษย์ของเจ้าได้ดำรงอยู่ต่อไป

สิ่งที่ทวยเทพ ทั้งหลายที่ได้ลงมานั้น  เป็นความอนุเคราะห์  ความกรุณาความเมตตาของท่าน  ได้ลงมาเตือนสติพวกเจ้า แต่จะลงมาอย่างไรเล่า   จะลงมาเป็นมนุษย์อย่างเจ้าท่านก็สามารถทำได้  แต่เจ้าจะเชื่อไหมล่ะ   ทั้งที่ผู้ที่เจ้านับถือจะเป็นรูปของบรรพชิตก็ตาม คนส่วนใหญ่แม้จะรู้ว่าท่านดี  แต่ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำที่ท่านสั่งสอนได้ ไม่สามารถที่จะรับฟังธรรมของท่านได้


เพราะ ฉะนั้น ในการไตร่ตรองของเทวโลก   วิธีการที่จะมาผ่านร่างของมนุษย์ และมาทำปาฏิหารย์ต่าง ๆ  เป็นวิธีการที่เทวโลกเขาไตร่ตรองลงมาแล้ว  เป็นวิธีการที่ดี และสามารถกระทำการหลาย ๆ อย่างได้ โดยไม่ต้องมีขอบเขตของกฎของนักบวช   ที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงบัญญัติไว้

เพราะ ฉะนั้น สิ่งที่พวกเจ้าพูดกันมา  ขีดจำกัดของมนุษย์รับได้เพียงบางอย่าง   เชื่อได้เพียงบางอย่าง  สิ่งที่เหลือที่เขารับไม่ได้  แต่ไม่รู้เท่าทันหรอกว่าอวิชชามันบังเอาไว้ ให้รับได้เท่านี้  ให้รับได้เท่านั้น จำกัดอย่างนั้น  จำกัดอย่างนี้  อวิชชามันบังพวกเขาเอาไว้


สิ่ง ทั้งหลายทั้งปวง   ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และตรัสสั่งสอน  ที่พวกเจ้าอาจจะเคยได้ยินว่า ใบไม้ทั้งป่าพระพุทธองค์นำมาตรัสสอนพวกเจ้าแค่กำมือเดียว   แต่กำมือเดียวนี้พวกเจ้าก็ยังกีดกั้นกันเอง  ยังมีปัญญาไม่สามารถรับรู้ได้ในทั้งหมดที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสอน  

แล้ว พวกเจ้าคิดรึว่า ใบไม้ทั้งป่า ที่ท่านไม่ได้ตรัสสอนนั้น มันจะมีอะไรอีกบ้าง  มันเหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะคิดคำนึง เหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะไตร่ตรอง เพราะฉะนั้นธรรมของพระพุทธองค์ ไม่ได้เป็นไปด้วยตรรกะ

ตรรกะคืออะไร? ตรรกะ คือการคิดคำนวณตามเหตุตามปัจจัย  หรือตามวิทยาศาสตร์ของเจ้านั้น   มาใช้กับวิธีของท่านนั้นมันยังไม่ถึง  เพราะฉะนั้น สิ่งเหลือวิสัยของวิทยาศาสตร์  สิ่งเหลือวิสัยของญาณของมนุษย์ทั้งหลายที่จะพึงรู้ยังมีอีกมาก  ทั้งในเรื่องที่พวกเจ้าจะเชื่อได้ หรือจะเชื่อไม่ได้นั้น แต่สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว  มีอยู่มาก่อน และจะมีอยู่ในอนาคตข้างหน้า  พวกเจ้าก็จะได้รับการถ่ายทอดตามแต่สติปัญญาของพวกเจ้าที่จะรับรู้ได้

ข้าพเจ้า ได้เคยกล่าวไว้ในกาลก่อนนั้นว่า  ข้าพเจ้าจะนำเทคโนโลยีมาเปิดเผย  มาสั่งสอน  มาบอกกับพวกเจ้าตามแต่บารมีของเจ้าที่จะรับได้  ไม่ใช่ว่าเอามาสั่งสอน  เอามาเปิดเผยทั้งหมด  มันเป็นไปไม่ได้ เหมือนเด็กเล็ก ๆจะให้มารู้วิชาของปริญญาเอกนั้น สอนให้ตายมันก็ไม่รู้
เพราะ ฉะนั้น สอนได้ ก ไก่ ขไข่ ก็สอนกันไป ในส่วนที่พวกเจ้าได้รับรู้นี้ ในวาระจิตของบางคนก็สามารถเรียนได้ป.1 ป.2 บางคนก็สามารถเรียน ป.3 ป.4 เราก็ต้องสอนไปตามแต่บารมี

ดังนั้น จึงต้องมีการคัดแยกให้ผู้ที่มีบารมีเข้าถึงแก่นของธรรม ก็แยกกันไปส่วนหนึ่ง  ผู้ที่มาใหม่ยังอยู่ในเปลือกนอกของยานต่างดาว ก็แยกกันไปอีกพวกหนึ่ง  เพื่อที่เขาจะได้สมความปราถนาของเขา ไม่มีการสับสนปะปนกัน
..................................................................................................

เพราะฉะนั้น สิ่งที่เจ้าคิดถึงเรื่องของภัยพิบัตินั้น ซึ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เกิดขึ้นมากกว่าที่พวกเจ้าคิดคำนึงถึงเสียอีก แต่ถึงเวลานั้นแล้วพวกเจ้าจะรับรู้ได้เฉพาะสิ่งที่เจ้าอยู่   ส่วนอีก70 – 80 % ของโลกของเจ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นนั้น พวกเขาก็รับกันไป  โดยที่การสื่อสารของพวกเจ้าจะไม่ได้สื่อสารกันได้อีกนั้น  ความน่าอเน็จอนาถ  ความน่าสลด น่าสังเวช   พวกเจ้าก็จะได้เห็นได้รับรู้เฉพาะหน้าของพวกเจ้าเท่านั้น   ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้รับรู้  พวกเขาก็ต้องได้รับกรรมของพวกเขาไป

ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าก็คงจะเข้าใจ ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บอกกับเจ้า   จุดสำคัญของที่นี่ เน้นในด้านธรรมะ เพราะธรรมะก็คือตัวแก้ ที่จะจากหนักเป็นเบา   

วิทยาศาสตร์เป็นตัวตามรู้ เขาไปถึง 1,000 เมตร ตามรู้ได้ 10 กว่าเมตร ก็คิดว่าตนเองรู้มาก

วิทยา ศาสตร์ของพวกเจ้านั้นมันล้าหลัง  มันเทียบไม่ได้กับญาณหยั่งรู้ของเทพทั้งหลาย  มนุษย์คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คิดว่าตัวเองรู้มาก  แม้กระทั่งต่างชาติที่เจริญสูงสุดในโลกมนุษย์ของเจ้า พวกนั้นมันก็ยังล้าหลังอยู่มาก  พวกเจ้าเทคโนโลยีน้อยกว่าพวกเขา   พวกเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่  พวกเจ้าไม่รู้หรอกในใจของพวกเขานั้นคิดจะอยู่เหนือโลกทั้งโลก  พวกเจ้าเข้าใจไหม ผู้ที่สูงสุดทางเทคโนโลยีในโลกของเจ้า เขาคิดจะอยู่เหนือโลกของเจ้า

เพราะฉะนั้น ความคิดนี้มันเป็นอันตราย   มันเป็นจุดก่อกำเนิดให้ถึงความวิปริตถึงสูงสุด  ทำให้ต้องมีการรบราฆ่าฟันกันเป็นสงครามโลกครั้งที่ ของพวกเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เพราะไม่มีใครยอมหรอกเพราะว่าผู้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ต้องมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างอื่น ต้องต่อสู้กันไปเหมือนในพุทธทำนาย ยักษ์นอกศาสนาต่อสู้กันไป ตายไปอย่างละครึ่ง   มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ.

อาจ จะเป็นการตอบข้อสงสัยให้กับหลาย ๆ ท่าน  ว่า....ทำไม? จึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายสื่อสารลงมาในโลกมนุษย์ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เทพ พรหม พระอาจารย์ที่ละสังขารไปแล้ว หรือแม้กระทั่งมนุษย์ต่างดาว ที่มากันมากมายทั่วโลกในยุคนี้

ก็เพราะมีเหตุผลดังที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์จะเชื่อได้หรือไม่ก็แล้วแต่มนุษย์

แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านสื่อสารลงมาก็ดี มนุษย์ต่างดาวก็ดี ก็ยังคงดำเนินงานช่วยเหลือมนุษย์โลกไปตามหน้าที่เช่นเดิม

กับ คำถามอื่น ๆ มีอีกมาก ที่ได้มีการบอกล่วงหน้าไว้ 10 ปีแล้ว ทั้งเรื่องของภัยพิบัติบนโลกใบนี้ เรื่องของกฏธรรมชาติ เรื่องการเตรียมการ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย  ดังนั้น เขากะลา จึงเป็นจุดที่เน้นในด้านธรรมะ เป็นจุดหลัก เรื่องมนุษย์ต่างดาว ก็เป็นเรื่องที่เข้ามาร่วมช่วยเหลือในด้านรูปธรรม สามารถกระทำการช่วยเหลือได้จริง

คน ที่เดินทางไปเขากะลาเมื่อปี 2541 ก็จะไปปฏิบัติธรรม ฟังธรรม และชม UFO ด้วยพร้อม ๆ กันไป และในบางครั้งก็จะมีคลื่นจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต มาตอบข้อข้องใจ และข้อซักถามของคนจำนวนมากเหล่านั้น

ก็เป็นอีกช่อง ทางหนึ่ง ที่มีการส่งคลื่นผ่านอุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยี เชื่อมต่อกับมนุษย์ และสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากมนุษย์ต่างดาวได้


และอย่างที่กล่าวเน้นแต่ต้นว่า
 
ขอให้ท่านที่อ่านข้อความเหล่านี้ ควรอ่านอย่างพิจารณา และมีสติไตร่ตรอง เพราะเป็นเรื่องราวเฉพาะกลุ่มฯ ที่ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลลงมาเท่านั้น มิได้หมายความว่าท่านต้องเชื่อ หรือไม่เชื่อ หรือจะต้องตระหนกตกใจใด ๆ ทั้งสิ้น

ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต มีอายุยืนหลายหมื่นปี ดาวของเขามีอากาศหนาวเย็นติดลบมาก จึงต้องอยู่ใต้พื้นดิน และอยู่ในรูปแบบของกายละเอียด เนื่องจากมีอายุยืนมาก ระยะเวลาที่ยาวนานของชีวิต จึงมีการทำสมาธิเป็นหลัก มีความเจริญทางจิตสูง และรู้เห็นความเป็นมาของโลกมนุษย์ใบนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว

เป็น ข้อมูลส่วนหนึ่งที่นำมาให้ได้รับทราบกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ต่อให้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ไม่อาจยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติได้ ไม่อาจต้านแรงกรรมได้ ดังนั้นเทคโนโลยีที่เราค้นคว้า ไขว่หาแทบตายนั้น ที่แท้ก็ต้องเริ่มต้นจากจิตที่เจริญแล้วทั้งสิ้น

จึง เป็นเรื่องที่ว่า ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงต้องมาสอนเรื่องของทางจิตก่อนในระดับแรก เพราะต้องมีการยกระดับจิตเข้าสู่กฎของธรรมชาติในระดับสากลก่อน เพราะการที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้นั้น ต้องมีระดับจิตใจที่พร้อมจะรับได้นั่นเอง .

........................................................................................................