การยกระดับจิต เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
ข้อความส่วนหนึ่ง ในการให้โอวาทเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2541 ณ เขากะลา
การยกระดับจิต เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้น มนุษย์ต่างดาวยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง
การมาปรากฏของจานบิน ในแต่ละครั้งนั้น มิใช่มาแบบเลื่อนลอย ย่อมมีจุดประสงค์ ย่อมมีความสำคัญ
นั่นคือเพื่อยืนยันให้มีความมั่นใจในสิ่งที่ระบบได้ถ่ายทอดไว้ จานบินมีจริง มนุษย์ต่างดาวมาจริง และมาเตรียมการแล้วจริง ๆ
เป็นการรับรองในข้อมูลที่มองเห็นได้ สัมผัสได้ ด้วยรูปธรรม
ดังนั้น สิ่งที่ระบบได้กล่าวไว้ อาจแตกต่างในรูปแบบ แต่ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากกฏของธรรมชาติเลย
ดังนั้น จึงขอนำข้อมูลของมนุษย์ต่างดาว ที่ส่งผ่านข้อความเสียงผ่านมายังมนุษย์โลก ให้รับรู้ในโครงการนี้
ซึ่งมีการกล่าวถึงเรื่องของการเตรียมการ การวางโครงข่าย การร่วมมือกันทั้ง 3 ภพ ให้ได้รับทราบ
การ กล่าวถึงนี้ แม้ผ่านมามากกว่า 10 ปี การเปิดเผยให้เห็นเทคโนโลยี เริ่มปรากฏมากขึ้น มากขึ้น เพื่อเป็นการยืนยันในข้อมูลที่ได้เคยกล่าวไว้
ใน เวลาที่มีการถ่ายทอดคลื่นเสียงจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต ที่เขากะลาแต่ละครั้ง มักจะปรากฏจานบิน 1 - 2 ลำ มาลอยอยู่ด้านบน ให้ผู้รับฟังได้เห็นด้วย
เสมือนเป็นการยืนยันว่า "ข้อมูลที่ส่งมานั้น มาจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต" จริง
การมาปรากฏของจานบิน ในแต่ละครั้งนั้น มิใช่มาแบบเลื่อนลอย ย่อมมีจุดประสงค์ ย่อมมีความสำคัญ
นั่นคือเพื่อยืนยันให้มีความมั่นใจในสิ่งที่ระบบได้ถ่ายทอดไว้ จานบินมีจริง มนุษย์ต่างดาวมาจริง และมาเตรียมการแล้วจริง ๆ
เป็นการรับรองในข้อมูลที่มองเห็นได้ สัมผัสได้ ด้วยรูปธรรม
ดังนั้น สิ่งที่ระบบได้กล่าวไว้ อาจแตกต่างในรูปแบบ แต่ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากกฏของธรรมชาติเลย
ดังนั้น จึงขอนำข้อมูลของมนุษย์ต่างดาว ที่ส่งผ่านข้อความเสียงผ่านมายังมนุษย์โลก ให้รับรู้ในโครงการนี้
ซึ่งมีการกล่าวถึงเรื่องของการเตรียมการ การวางโครงข่าย การร่วมมือกันทั้ง 3 ภพ ให้ได้รับทราบ
การ กล่าวถึงนี้ แม้ผ่านมามากกว่า 10 ปี การเปิดเผยให้เห็นเทคโนโลยี เริ่มปรากฏมากขึ้น มากขึ้น เพื่อเป็นการยืนยันในข้อมูลที่ได้เคยกล่าวไว้
ใน เวลาที่มีการถ่ายทอดคลื่นเสียงจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต ที่เขากะลาแต่ละครั้ง มักจะปรากฏจานบิน 1 - 2 ลำ มาลอยอยู่ด้านบน ให้ผู้รับฟังได้เห็นด้วย
เสมือนเป็นการยืนยันว่า "ข้อมูลที่ส่งมานั้น มาจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต" จริง
.................................
การถ่ายทอดข้อความจาก....ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต
จากเทปบันทึกเสียงการสนทนา วันที่ 5 กันยายน 2541 เวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา
หัวหน้ากลุ่มอภิจิต 2000 คุณภัทรพล เจษฏาอภิบาล
(ซึ่งในช่วงหลังจากนั้น ท่านได้เห็นจานบินไปลอยอยู่ที่บ้านท่าน แถวบางนา-ตราด อยู่เสมอ)
( คุณภัทรพล) ฟังจากทางกลุ่มเขากะลา บอกว่าให้มนุษย์เข้าทางคุณธรรม คือทางปฏิบัติธรรม แล้วพวกท่านจากต่างดาวจะมาช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัย อย่างนี้ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ คือไม่ต้องแก้ทางโลก คือให้หมั่นฝึกทางด้านปฏิบัติธรรม เดี๋ยวท่านก็จะมีโอกาสช่วยตามบารมีของบุคคลท่านนั้น
(คลื่น จากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ข้าพเจ้าจะขอบอกถึงภารกิจของข้าพเจ้า ในการที่จะช่วยเหลือภพมนุษย์ของเจ้าให้รอดพ้นจากภัยพิบัติตามส่วนของผู้ที่ มีบารมีเท่านั้น
สิ่งที่เจ้าได้พูดมาข้าพเจ้าจะขออธิบายเพิ่มเติม ว่า ภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงยิ่งที่จะเกิดกับโลกของเจ้าทั้งโลกนั้น ถ้าไม่มีเทพที่จะลงมาช่วยเหลือภพมนุษย์ มันก็แทบจะไม่มีเหลือ ทั้งผู้ที่ไม่มีบารมี และผู้ที่มีบารมีเก่า ก็จะตายกันมากกว่านี้ จะไม่มีการเตรียมการ จะไม่มีการรวมคนที่มีบารมี และที่จะเหลืออยู่ก็แทบจะเป็นบ้าเป็นบอกันไปหมด
และผู้ที่มีบารมีเมื่อ สิ้นชีวิตก็ขึ้นสวรรค์ไป แต่ผู้ที่จะดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ดำรงต่อไปนั้นก็แทบจะไม่มีคุณภาพ ภพมนุษย์ก็แทบจะสูญสิ้นกันไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
.........................................................................................................
การถ่ายทอดข้อความจาก....ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต
จากเทปบันทึกเสียงการสนทนา วันที่ 5 กันยายน 2541 เวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา
หัวหน้ากลุ่มอภิจิต 2000 คุณภัทรพล เจษฏาอภิบาล
(ซึ่งในช่วงหลังจากนั้น ท่านได้เห็นจานบินไปลอยอยู่ที่บ้านท่าน แถวบางนา-ตราด อยู่เสมอ)
( คุณภัทรพล) ฟังจากทางกลุ่มเขากะลา บอกว่าให้มนุษย์เข้าทางคุณธรรม คือทางปฏิบัติธรรม แล้วพวกท่านจากต่างดาวจะมาช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัย อย่างนี้ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ คือไม่ต้องแก้ทางโลก คือให้หมั่นฝึกทางด้านปฏิบัติธรรม เดี๋ยวท่านก็จะมีโอกาสช่วยตามบารมีของบุคคลท่านนั้น
(คลื่น จากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ข้าพเจ้าจะขอบอกถึงภารกิจของข้าพเจ้า ในการที่จะช่วยเหลือภพมนุษย์ของเจ้าให้รอดพ้นจากภัยพิบัติตามส่วนของผู้ที่ มีบารมีเท่านั้น
สิ่งที่เจ้าได้พูดมาข้าพเจ้าจะขออธิบายเพิ่มเติม ว่า ภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงยิ่งที่จะเกิดกับโลกของเจ้าทั้งโลกนั้น ถ้าไม่มีเทพที่จะลงมาช่วยเหลือภพมนุษย์ มันก็แทบจะไม่มีเหลือ ทั้งผู้ที่ไม่มีบารมี และผู้ที่มีบารมีเก่า ก็จะตายกันมากกว่านี้ จะไม่มีการเตรียมการ จะไม่มีการรวมคนที่มีบารมี และที่จะเหลืออยู่ก็แทบจะเป็นบ้าเป็นบอกันไปหมด
และผู้ที่มีบารมีเมื่อ สิ้นชีวิตก็ขึ้นสวรรค์ไป แต่ผู้ที่จะดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ดำรงต่อไปนั้นก็แทบจะไม่มีคุณภาพ ภพมนุษย์ก็แทบจะสูญสิ้นกันไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
.........................................................................................................
เพราะ ฉะนั้น จึงเป็นกฏของธรรมชาติ เป็นกฎของจักรวาล ซึ่งยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใด ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เจ้าเคยรับรู้ ได้เห็น ได้สัมผัส เพราะนั่นอยู่เหนือวิสัยของมนุษย์ที่จะคิดได้
กฎของจักรวาลนั้น เป็นสิ่งที่ทวยเทพ และต่างจักรวาลทั้งหลายต้องลงมาช่วยกันเพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีคุณภาพ ให้มีการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งมีการสืบทอดพระธรรมคำสั่งสอน จะหล่อเลี้ยงจิตใจพวกเขาให้อยู่ต่อไป
ดัง นั้นในประเทศนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนา เป็นประเทศที่มีบารมีคุ้มครอง ทวยเทพทั้งหลายได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้งต่างจักรวาล รวมทั้งข้าพเจ้า และต่างดาวที่มาจากจักรวาลอื่น ได้ประชุมรวมกัน เห็นพ้องต้องกันก่อนที่พวกเจ้าจะลงมาเกิดนี้
ข้าพเจ้า ก็ได้เล็งพระญาณเลือกสถานที่ที่เจ้านั่งกันอยู่นี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการที่เทพทั้งหลายจะอธิษฐานจิตกันลงมา อุบัติลงมาจากเทวโลก
พวกเจ้าคิดรึ ถ้าพวกเขาๆไม่อุบัติลงมาจากเทวโลก ภพมนุษย์ก่อนเก่านี่จะสามารถรักษาธรรมะอันทรงคุณค่าที่พระพุทธองค์ทรงสั่ง สอนไว้ให้อยู่เหลือรอดต่อไปได้ มันไม่ได้หรอกนะ มันต้องได้รับการรักษาจากผู้ที่มีบุญบารมีจากเทวโลกที่อธิฐานจิต อุทิศตนลงเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ให้ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้อยู่ต่อไป นั่นคือผู้ที่เสียสละ ให้ภพมนุษย์ได้ยืนหยัดอยู่ต่อไป
ถ้าภพมนุษย์ ไม่ยืนหยัดอยู่ต่อไป ก็ไม่มีโอกาสที่เทวโลกพรหมโลก จะลงมาสร้างบารมี มันต้องมีการช่วยเหลือกันทั้ง 3 ภพนั้น มันเกี่ยวข้องกันอย่างแยกกันไม่ออก
ฉะนั้นพวกเจ้าที่ได้มานั่งกัน อยู่ที่นี้ รวมทั้ง100 ครอบครัว ที่ได้เคยบอกไปแล้วนั้นก็คือครอบครัวจากเทวโลกทั้งสิ้น ครอบครัวที่มีการอธิฐานจิต มีการอาสา มีการรับรู้ในโครงการที่จะมาช่วยเหลือในภพมนุษย์ ฉะนั้นผู้ที่มีจิตใจสูงเท่านั้นจึงจะสามารถมาพบในสถานที่นี้ได้ เข้าถึงพระธรรมและดำรงรักษาพระธรรมในสถานที่ที่พวกเขาได้พบกันอยู่นี้
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นการกำหนดจากเทวโลก เป็นการเตรียมการ เป็นการสมัครใจของพวกเขาและพวกเจ้าที่นั่งกันอยู่ที่นี้
แต่ ปัญญาในภพมนุษย์มันมีขีดจำกัดในการรับรู้ เจ้าไม่สามารถรำลึกไปถึงอดีต ไม่สามารถมองถึงอนาคต เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเจ้าทำด้วยความศรัทธานี้ มันไม่ใช่ความศรัทธาที่ไม่มีเหตุ มันมีเหตุเก่ากันมา จึงมาเป็นพวกเจ้ามาที่ ณ ปัจจุบันนี้
เจ้า ไม่ต้องแปลกใจ ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเจ้าก็จะได้พบสิ่งปาฏิหารย์ที่ข้าพเจ้า และดวงดาราอื่น ๆ จะมาร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้ภพมนุษย์ของเจ้าได้ดำรงอยู่ต่อไป
สิ่งที่ทวยเทพ ทั้งหลายที่ได้ลงมานั้น เป็นความอนุเคราะห์ ความกรุณาความเมตตาของท่าน ได้ลงมาเตือนสติพวกเจ้า แต่จะลงมาอย่างไรเล่า จะลงมาเป็นมนุษย์อย่างเจ้าท่านก็สามารถทำได้ แต่เจ้าจะเชื่อไหมล่ะ ทั้งที่ผู้ที่เจ้านับถือจะเป็นรูปของบรรพชิตก็ตาม คนส่วนใหญ่แม้จะรู้ว่าท่านดี แต่ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำที่ท่านสั่งสอนได้ ไม่สามารถที่จะรับฟังธรรมของท่านได้
เพราะ ฉะนั้น ในการไตร่ตรองของเทวโลก วิธีการที่จะมาผ่านร่างของมนุษย์ และมาทำปาฏิหารย์ต่าง ๆ เป็นวิธีการที่เทวโลกเขาไตร่ตรองลงมาแล้ว เป็นวิธีการที่ดี และสามารถกระทำการหลาย ๆ อย่างได้ โดยไม่ต้องมีขอบเขตของกฎของนักบวช ที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงบัญญัติไว้
เพราะ ฉะนั้น สิ่งที่พวกเจ้าพูดกันมา ขีดจำกัดของมนุษย์รับได้เพียงบางอย่าง เชื่อได้เพียงบางอย่าง สิ่งที่เหลือที่เขารับไม่ได้ แต่ไม่รู้เท่าทันหรอกว่าอวิชชามันบังเอาไว้ ให้รับได้เท่านี้ ให้รับได้เท่านั้น จำกัดอย่างนั้น จำกัดอย่างนี้ อวิชชามันบังพวกเขาเอาไว้
สิ่ง ทั้งหลายทั้งปวง ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และตรัสสั่งสอน ที่พวกเจ้าอาจจะเคยได้ยินว่า ใบไม้ทั้งป่าพระพุทธองค์นำมาตรัสสอนพวกเจ้าแค่กำมือเดียว แต่กำมือเดียวนี้พวกเจ้าก็ยังกีดกั้นกันเอง ยังมีปัญญาไม่สามารถรับรู้ได้ในทั้งหมดที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสอน
แล้ว พวกเจ้าคิดรึว่า ใบไม้ทั้งป่า ที่ท่านไม่ได้ตรัสสอนนั้น มันจะมีอะไรอีกบ้าง มันเหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะคิดคำนึง เหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะไตร่ตรอง เพราะฉะนั้นธรรมของพระพุทธองค์ ไม่ได้เป็นไปด้วยตรรกะ
ตรรกะคืออะไร? ตรรกะ คือการคิดคำนวณตามเหตุตามปัจจัย หรือตามวิทยาศาสตร์ของเจ้านั้น มาใช้กับวิธีของท่านนั้นมันยังไม่ถึง เพราะฉะนั้น สิ่งเหลือวิสัยของวิทยาศาสตร์ สิ่งเหลือวิสัยของญาณของมนุษย์ทั้งหลายที่จะพึงรู้ยังมีอีกมาก ทั้งในเรื่องที่พวกเจ้าจะเชื่อได้ หรือจะเชื่อไม่ได้นั้น แต่สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว มีอยู่มาก่อน และจะมีอยู่ในอนาคตข้างหน้า พวกเจ้าก็จะได้รับการถ่ายทอดตามแต่สติปัญญาของพวกเจ้าที่จะรับรู้ได้
ข้าพเจ้า ได้เคยกล่าวไว้ในกาลก่อนนั้นว่า ข้าพเจ้าจะนำเทคโนโลยีมาเปิดเผย มาสั่งสอน มาบอกกับพวกเจ้าตามแต่บารมีของเจ้าที่จะรับได้ ไม่ใช่ว่าเอามาสั่งสอน เอามาเปิดเผยทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ เหมือนเด็กเล็ก ๆจะให้มารู้วิชาของปริญญาเอกนั้น สอนให้ตายมันก็ไม่รู้
เพราะ ฉะนั้น สอนได้ ก ไก่ ขไข่ ก็สอนกันไป ในส่วนที่พวกเจ้าได้รับรู้นี้ ในวาระจิตของบางคนก็สามารถเรียนได้ป.1 ป.2 บางคนก็สามารถเรียน ป.3 ป.4 เราก็ต้องสอนไปตามแต่บารมี
ดังนั้น จึงต้องมีการคัดแยกให้ผู้ที่มีบารมีเข้าถึงแก่นของธรรม ก็แยกกันไปส่วนหนึ่ง ผู้ที่มาใหม่ยังอยู่ในเปลือกนอกของยานต่างดาว ก็แยกกันไปอีกพวกหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้สมความปราถนาของเขา ไม่มีการสับสนปะปนกัน
..................................................................................................
กฎของจักรวาลนั้น เป็นสิ่งที่ทวยเทพ และต่างจักรวาลทั้งหลายต้องลงมาช่วยกันเพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีคุณภาพ ให้มีการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งมีการสืบทอดพระธรรมคำสั่งสอน จะหล่อเลี้ยงจิตใจพวกเขาให้อยู่ต่อไป
ดัง นั้นในประเทศนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนา เป็นประเทศที่มีบารมีคุ้มครอง ทวยเทพทั้งหลายได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้งต่างจักรวาล รวมทั้งข้าพเจ้า และต่างดาวที่มาจากจักรวาลอื่น ได้ประชุมรวมกัน เห็นพ้องต้องกันก่อนที่พวกเจ้าจะลงมาเกิดนี้
ข้าพเจ้า ก็ได้เล็งพระญาณเลือกสถานที่ที่เจ้านั่งกันอยู่นี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการที่เทพทั้งหลายจะอธิษฐานจิตกันลงมา อุบัติลงมาจากเทวโลก
พวกเจ้าคิดรึ ถ้าพวกเขาๆไม่อุบัติลงมาจากเทวโลก ภพมนุษย์ก่อนเก่านี่จะสามารถรักษาธรรมะอันทรงคุณค่าที่พระพุทธองค์ทรงสั่ง สอนไว้ให้อยู่เหลือรอดต่อไปได้ มันไม่ได้หรอกนะ มันต้องได้รับการรักษาจากผู้ที่มีบุญบารมีจากเทวโลกที่อธิฐานจิต อุทิศตนลงเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ให้ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้อยู่ต่อไป นั่นคือผู้ที่เสียสละ ให้ภพมนุษย์ได้ยืนหยัดอยู่ต่อไป
ถ้าภพมนุษย์ ไม่ยืนหยัดอยู่ต่อไป ก็ไม่มีโอกาสที่เทวโลกพรหมโลก จะลงมาสร้างบารมี มันต้องมีการช่วยเหลือกันทั้ง 3 ภพนั้น มันเกี่ยวข้องกันอย่างแยกกันไม่ออก
ฉะนั้นพวกเจ้าที่ได้มานั่งกัน อยู่ที่นี้ รวมทั้ง100 ครอบครัว ที่ได้เคยบอกไปแล้วนั้นก็คือครอบครัวจากเทวโลกทั้งสิ้น ครอบครัวที่มีการอธิฐานจิต มีการอาสา มีการรับรู้ในโครงการที่จะมาช่วยเหลือในภพมนุษย์ ฉะนั้นผู้ที่มีจิตใจสูงเท่านั้นจึงจะสามารถมาพบในสถานที่นี้ได้ เข้าถึงพระธรรมและดำรงรักษาพระธรรมในสถานที่ที่พวกเขาได้พบกันอยู่นี้
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นการกำหนดจากเทวโลก เป็นการเตรียมการ เป็นการสมัครใจของพวกเขาและพวกเจ้าที่นั่งกันอยู่ที่นี้
แต่ ปัญญาในภพมนุษย์มันมีขีดจำกัดในการรับรู้ เจ้าไม่สามารถรำลึกไปถึงอดีต ไม่สามารถมองถึงอนาคต เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเจ้าทำด้วยความศรัทธานี้ มันไม่ใช่ความศรัทธาที่ไม่มีเหตุ มันมีเหตุเก่ากันมา จึงมาเป็นพวกเจ้ามาที่ ณ ปัจจุบันนี้
เจ้า ไม่ต้องแปลกใจ ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเจ้าก็จะได้พบสิ่งปาฏิหารย์ที่ข้าพเจ้า และดวงดาราอื่น ๆ จะมาร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้ภพมนุษย์ของเจ้าได้ดำรงอยู่ต่อไป
สิ่งที่ทวยเทพ ทั้งหลายที่ได้ลงมานั้น เป็นความอนุเคราะห์ ความกรุณาความเมตตาของท่าน ได้ลงมาเตือนสติพวกเจ้า แต่จะลงมาอย่างไรเล่า จะลงมาเป็นมนุษย์อย่างเจ้าท่านก็สามารถทำได้ แต่เจ้าจะเชื่อไหมล่ะ ทั้งที่ผู้ที่เจ้านับถือจะเป็นรูปของบรรพชิตก็ตาม คนส่วนใหญ่แม้จะรู้ว่าท่านดี แต่ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำที่ท่านสั่งสอนได้ ไม่สามารถที่จะรับฟังธรรมของท่านได้
เพราะ ฉะนั้น ในการไตร่ตรองของเทวโลก วิธีการที่จะมาผ่านร่างของมนุษย์ และมาทำปาฏิหารย์ต่าง ๆ เป็นวิธีการที่เทวโลกเขาไตร่ตรองลงมาแล้ว เป็นวิธีการที่ดี และสามารถกระทำการหลาย ๆ อย่างได้ โดยไม่ต้องมีขอบเขตของกฎของนักบวช ที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงบัญญัติไว้
เพราะ ฉะนั้น สิ่งที่พวกเจ้าพูดกันมา ขีดจำกัดของมนุษย์รับได้เพียงบางอย่าง เชื่อได้เพียงบางอย่าง สิ่งที่เหลือที่เขารับไม่ได้ แต่ไม่รู้เท่าทันหรอกว่าอวิชชามันบังเอาไว้ ให้รับได้เท่านี้ ให้รับได้เท่านั้น จำกัดอย่างนั้น จำกัดอย่างนี้ อวิชชามันบังพวกเขาเอาไว้
สิ่ง ทั้งหลายทั้งปวง ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และตรัสสั่งสอน ที่พวกเจ้าอาจจะเคยได้ยินว่า ใบไม้ทั้งป่าพระพุทธองค์นำมาตรัสสอนพวกเจ้าแค่กำมือเดียว แต่กำมือเดียวนี้พวกเจ้าก็ยังกีดกั้นกันเอง ยังมีปัญญาไม่สามารถรับรู้ได้ในทั้งหมดที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสอน
แล้ว พวกเจ้าคิดรึว่า ใบไม้ทั้งป่า ที่ท่านไม่ได้ตรัสสอนนั้น มันจะมีอะไรอีกบ้าง มันเหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะคิดคำนึง เหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะไตร่ตรอง เพราะฉะนั้นธรรมของพระพุทธองค์ ไม่ได้เป็นไปด้วยตรรกะ
ตรรกะคืออะไร? ตรรกะ คือการคิดคำนวณตามเหตุตามปัจจัย หรือตามวิทยาศาสตร์ของเจ้านั้น มาใช้กับวิธีของท่านนั้นมันยังไม่ถึง เพราะฉะนั้น สิ่งเหลือวิสัยของวิทยาศาสตร์ สิ่งเหลือวิสัยของญาณของมนุษย์ทั้งหลายที่จะพึงรู้ยังมีอีกมาก ทั้งในเรื่องที่พวกเจ้าจะเชื่อได้ หรือจะเชื่อไม่ได้นั้น แต่สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว มีอยู่มาก่อน และจะมีอยู่ในอนาคตข้างหน้า พวกเจ้าก็จะได้รับการถ่ายทอดตามแต่สติปัญญาของพวกเจ้าที่จะรับรู้ได้
ข้าพเจ้า ได้เคยกล่าวไว้ในกาลก่อนนั้นว่า ข้าพเจ้าจะนำเทคโนโลยีมาเปิดเผย มาสั่งสอน มาบอกกับพวกเจ้าตามแต่บารมีของเจ้าที่จะรับได้ ไม่ใช่ว่าเอามาสั่งสอน เอามาเปิดเผยทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ เหมือนเด็กเล็ก ๆจะให้มารู้วิชาของปริญญาเอกนั้น สอนให้ตายมันก็ไม่รู้
เพราะ ฉะนั้น สอนได้ ก ไก่ ขไข่ ก็สอนกันไป ในส่วนที่พวกเจ้าได้รับรู้นี้ ในวาระจิตของบางคนก็สามารถเรียนได้ป.1 ป.2 บางคนก็สามารถเรียน ป.3 ป.4 เราก็ต้องสอนไปตามแต่บารมี
ดังนั้น จึงต้องมีการคัดแยกให้ผู้ที่มีบารมีเข้าถึงแก่นของธรรม ก็แยกกันไปส่วนหนึ่ง ผู้ที่มาใหม่ยังอยู่ในเปลือกนอกของยานต่างดาว ก็แยกกันไปอีกพวกหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้สมความปราถนาของเขา ไม่มีการสับสนปะปนกัน
..................................................................................................
เพราะฉะนั้น สิ่งที่เจ้าคิดถึงเรื่องของภัยพิบัตินั้น ซึ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เกิดขึ้นมากกว่าที่พวกเจ้าคิดคำนึงถึงเสียอีก แต่ถึงเวลานั้นแล้วพวกเจ้าจะรับรู้ได้เฉพาะสิ่งที่เจ้าอยู่ ส่วนอีก70 – 80 % ของโลกของเจ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นนั้น พวกเขาก็รับกันไป โดยที่การสื่อสารของพวกเจ้าจะไม่ได้สื่อสารกันได้อีกนั้น ความน่าอเน็จอนาถ ความน่าสลด น่าสังเวช พวกเจ้าก็จะได้เห็นได้รับรู้เฉพาะหน้าของพวกเจ้าเท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้รับรู้ พวกเขาก็ต้องได้รับกรรมของพวกเขาไป
ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าก็คงจะเข้าใจ ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บอกกับเจ้า จุดสำคัญของที่นี่ เน้นในด้านธรรมะ เพราะธรรมะก็คือตัวแก้ ที่จะจากหนักเป็นเบา
วิทยาศาสตร์เป็นตัวตามรู้ เขาไปถึง 1,000 เมตร ตามรู้ได้ 10 กว่าเมตร ก็คิดว่าตนเองรู้มาก
วิทยา ศาสตร์ของพวกเจ้านั้นมันล้าหลัง มันเทียบไม่ได้กับญาณหยั่งรู้ของเทพทั้งหลาย มนุษย์คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คิดว่าตัวเองรู้มาก แม้กระทั่งต่างชาติที่เจริญสูงสุดในโลกมนุษย์ของเจ้า พวกนั้นมันก็ยังล้าหลังอยู่มาก พวกเจ้าเทคโนโลยีน้อยกว่าพวกเขา พวกเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ พวกเจ้าไม่รู้หรอกในใจของพวกเขานั้นคิดจะอยู่เหนือโลกทั้งโลก พวกเจ้าเข้าใจไหม ผู้ที่สูงสุดทางเทคโนโลยีในโลกของเจ้า เขาคิดจะอยู่เหนือโลกของเจ้า
เพราะฉะนั้น ความคิดนี้มันเป็นอันตราย มันเป็นจุดก่อกำเนิดให้ถึงความวิปริตถึงสูงสุด ทำให้ต้องมีการรบราฆ่าฟันกันเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ของพวกเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมหรอกเพราะว่าผู้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ต้องมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างอื่น ต้องต่อสู้กันไปเหมือนในพุทธทำนาย ยักษ์นอกศาสนาต่อสู้กันไป ตายไปอย่างละครึ่ง มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ.”
ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าก็คงจะเข้าใจ ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บอกกับเจ้า จุดสำคัญของที่นี่ เน้นในด้านธรรมะ เพราะธรรมะก็คือตัวแก้ ที่จะจากหนักเป็นเบา
วิทยาศาสตร์เป็นตัวตามรู้ เขาไปถึง 1,000 เมตร ตามรู้ได้ 10 กว่าเมตร ก็คิดว่าตนเองรู้มาก
วิทยา ศาสตร์ของพวกเจ้านั้นมันล้าหลัง มันเทียบไม่ได้กับญาณหยั่งรู้ของเทพทั้งหลาย มนุษย์คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คิดว่าตัวเองรู้มาก แม้กระทั่งต่างชาติที่เจริญสูงสุดในโลกมนุษย์ของเจ้า พวกนั้นมันก็ยังล้าหลังอยู่มาก พวกเจ้าเทคโนโลยีน้อยกว่าพวกเขา พวกเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ พวกเจ้าไม่รู้หรอกในใจของพวกเขานั้นคิดจะอยู่เหนือโลกทั้งโลก พวกเจ้าเข้าใจไหม ผู้ที่สูงสุดทางเทคโนโลยีในโลกของเจ้า เขาคิดจะอยู่เหนือโลกของเจ้า
เพราะฉะนั้น ความคิดนี้มันเป็นอันตราย มันเป็นจุดก่อกำเนิดให้ถึงความวิปริตถึงสูงสุด ทำให้ต้องมีการรบราฆ่าฟันกันเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ของพวกเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมหรอกเพราะว่าผู้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ต้องมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างอื่น ต้องต่อสู้กันไปเหมือนในพุทธทำนาย ยักษ์นอกศาสนาต่อสู้กันไป ตายไปอย่างละครึ่ง มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ.”
อาจ จะเป็นการตอบข้อสงสัยให้กับหลาย ๆ ท่าน ว่า....ทำไม? จึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายสื่อสารลงมาในโลกมนุษย์ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เทพ พรหม พระอาจารย์ที่ละสังขารไปแล้ว หรือแม้กระทั่งมนุษย์ต่างดาว ที่มากันมากมายทั่วโลกในยุคนี้
ก็เพราะมีเหตุผลดังที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์จะเชื่อได้หรือไม่? ก็แล้วแต่มนุษย์
แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านสื่อสารลงมาก็ดี มนุษย์ต่างดาวก็ดี ก็ยังคงดำเนินงานช่วยเหลือมนุษย์โลกไปตามหน้าที่เช่นเดิม
กับ คำถามอื่น ๆ มีอีกมาก ที่ได้มีการบอกล่วงหน้าไว้ 10 ปีแล้ว ทั้งเรื่องของภัยพิบัติบนโลกใบนี้ เรื่องของกฏธรรมชาติ เรื่องการเตรียมการ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น เขากะลา จึงเป็นจุดที่เน้นในด้านธรรมะ เป็นจุดหลัก เรื่องมนุษย์ต่างดาว ก็เป็นเรื่องที่เข้ามาร่วมช่วยเหลือในด้านรูปธรรม สามารถกระทำการช่วยเหลือได้จริง
คน ที่เดินทางไปเขากะลาเมื่อปี 2541 ก็จะไปปฏิบัติธรรม ฟังธรรม และชม UFO ด้วยพร้อม ๆ กันไป และในบางครั้งก็จะมีคลื่นจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต มาตอบข้อข้องใจ และข้อซักถามของคนจำนวนมากเหล่านั้น
ก็เป็นอีกช่อง ทางหนึ่ง ที่มีการส่งคลื่นผ่านอุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยี เชื่อมต่อกับมนุษย์ และสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากมนุษย์ต่างดาวได้
และอย่างที่กล่าวเน้นแต่ต้นว่า
“ ขอให้ท่านที่อ่านข้อความเหล่านี้ ควรอ่านอย่างพิจารณา และมีสติไตร่ตรอง เพราะเป็นเรื่องราวเฉพาะกลุ่มฯ ที่ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลลงมาเท่านั้น มิได้หมายความว่าท่านต้องเชื่อ หรือไม่เชื่อ หรือจะต้องตระหนกตกใจใด ๆ ทั้งสิ้น”
ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต มีอายุยืนหลายหมื่นปี ดาวของเขามีอากาศหนาวเย็นติดลบมาก จึงต้องอยู่ใต้พื้นดิน และอยู่ในรูปแบบของกายละเอียด เนื่องจากมีอายุยืนมาก ระยะเวลาที่ยาวนานของชีวิต จึงมีการทำสมาธิเป็นหลัก มีความเจริญทางจิตสูง และรู้เห็นความเป็นมาของโลกมนุษย์ใบนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
เป็น ข้อมูลส่วนหนึ่งที่นำมาให้ได้รับทราบกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ต่อให้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ไม่อาจยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติได้ ไม่อาจต้านแรงกรรมได้ ดังนั้นเทคโนโลยีที่เราค้นคว้า ไขว่หาแทบตายนั้น ที่แท้ก็ต้องเริ่มต้นจากจิตที่เจริญแล้วทั้งสิ้น
จึง เป็นเรื่องที่ว่า ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงต้องมาสอนเรื่องของทางจิตก่อนในระดับแรก เพราะต้องมีการยกระดับจิตเข้าสู่กฎของธรรมชาติในระดับสากลก่อน เพราะการที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้นั้น ต้องมีระดับจิตใจที่พร้อมจะรับได้นั่นเอง .
ก็เพราะมีเหตุผลดังที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์จะเชื่อได้หรือไม่? ก็แล้วแต่มนุษย์
แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านสื่อสารลงมาก็ดี มนุษย์ต่างดาวก็ดี ก็ยังคงดำเนินงานช่วยเหลือมนุษย์โลกไปตามหน้าที่เช่นเดิม
กับ คำถามอื่น ๆ มีอีกมาก ที่ได้มีการบอกล่วงหน้าไว้ 10 ปีแล้ว ทั้งเรื่องของภัยพิบัติบนโลกใบนี้ เรื่องของกฏธรรมชาติ เรื่องการเตรียมการ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น เขากะลา จึงเป็นจุดที่เน้นในด้านธรรมะ เป็นจุดหลัก เรื่องมนุษย์ต่างดาว ก็เป็นเรื่องที่เข้ามาร่วมช่วยเหลือในด้านรูปธรรม สามารถกระทำการช่วยเหลือได้จริง
คน ที่เดินทางไปเขากะลาเมื่อปี 2541 ก็จะไปปฏิบัติธรรม ฟังธรรม และชม UFO ด้วยพร้อม ๆ กันไป และในบางครั้งก็จะมีคลื่นจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต มาตอบข้อข้องใจ และข้อซักถามของคนจำนวนมากเหล่านั้น
ก็เป็นอีกช่อง ทางหนึ่ง ที่มีการส่งคลื่นผ่านอุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยี เชื่อมต่อกับมนุษย์ และสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากมนุษย์ต่างดาวได้
และอย่างที่กล่าวเน้นแต่ต้นว่า
“ ขอให้ท่านที่อ่านข้อความเหล่านี้ ควรอ่านอย่างพิจารณา และมีสติไตร่ตรอง เพราะเป็นเรื่องราวเฉพาะกลุ่มฯ ที่ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลลงมาเท่านั้น มิได้หมายความว่าท่านต้องเชื่อ หรือไม่เชื่อ หรือจะต้องตระหนกตกใจใด ๆ ทั้งสิ้น”
ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต มีอายุยืนหลายหมื่นปี ดาวของเขามีอากาศหนาวเย็นติดลบมาก จึงต้องอยู่ใต้พื้นดิน และอยู่ในรูปแบบของกายละเอียด เนื่องจากมีอายุยืนมาก ระยะเวลาที่ยาวนานของชีวิต จึงมีการทำสมาธิเป็นหลัก มีความเจริญทางจิตสูง และรู้เห็นความเป็นมาของโลกมนุษย์ใบนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
เป็น ข้อมูลส่วนหนึ่งที่นำมาให้ได้รับทราบกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ต่อให้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ไม่อาจยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติได้ ไม่อาจต้านแรงกรรมได้ ดังนั้นเทคโนโลยีที่เราค้นคว้า ไขว่หาแทบตายนั้น ที่แท้ก็ต้องเริ่มต้นจากจิตที่เจริญแล้วทั้งสิ้น
จึง เป็นเรื่องที่ว่า ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงต้องมาสอนเรื่องของทางจิตก่อนในระดับแรก เพราะต้องมีการยกระดับจิตเข้าสู่กฎของธรรมชาติในระดับสากลก่อน เพราะการที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้นั้น ต้องมีระดับจิตใจที่พร้อมจะรับได้นั่นเอง .
........................................................................................................