วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต 6/2/42


ข้อความส่วนหนึ่งของผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต 
ถ่ายทอดข้อความเป็นคลื่นเสียงไว้  ณ เขากะลา 

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2542
......................



(คุณพิสมัย) อยากเรียนถามอีกอันหนึ่งค่ะ.... ถามว่า ที่ยานอวกาศของท่าน ที่ท่านอยู่มีกลางวันกลางคืนหรือเปล่าคะ ?

(ผู้ สูงสุดฯ) ในโลกข้าพเจ้ารึ ? กลางวัน กลางคืนน่ะ แสงสว่างก็มีนะ แต่มันไม่เหมือนโลกมนุษย์ของเจ้า เพราะว่าถ้าตามระบบที่เจ้าเห็นกันอย่างง่าย ๆ ดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึงข้าพเจ้านะ มันไกลมาก เพราะฉะนั้น โลกของข้าพเจ้าก็มีแสงสว่าง มีความมืด มีความสว่างเหมือนกัน แต่ในอากาศมันจะหนาวเย็นกว่าถ้าเทียบกับอากาศของพวกเจ้าที่วัดกันนะ มันลบไม่รู้จะกี่ร้อยองศาของเจ้านะ พวกเจ้าไปอยู่กันไม่ได้หรอก แข็งตาย ... แข็งตาย วันเวลาก็ไม่เท่ากันนะ อายุของข้าพเจ้าก็ยืนยาวกว่าพวกเจ้ามากมายนัก

(คุณสำราญ) ท่านอายุเท่าไรแล้วคะ ?

(ผู้สูงสุดฯ) เออ.....เป็นหมื่นปีนะ

(คุณสำราญ) งั้นก็แก่กว่าองค์อินทร์ซิคะ

(ผู้ สูงสุดฯ) ความแก่ความอ่อนนั้น มันนับกันไม่ได้หรอก เพราะอะไร? เพราะพวกเจ้าเวียนว่ายตายเกิดกันมากี่แสนปีแสนชาติมาแล้ว เจ้าไม่ใช่อายุแค่ 60 – 70 ปีนะ ถ้าจะนับอายุแล้ว เป็นแสน ๆ ปี ล้าน ๆ ปี ใครจะแก่กว่าใครล่ะ มันแก่ที่ภูมิธรรม ภูมิปัญญา

เพราะฉะนั้น การที่บุคคลอายุน้อย แต่สามารถให้ธรรมกับเจ้าได้ คือเขามีภูมิธรรมที่มากกว่าเจ้า นั่นเป็นบุคคลที่ควรเคารพ เพราะฉะนั้น พระภิกษุสงฆ์ที่เป็นสาวกของพระพุทธองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า บางท่านบวชตั้งแต่อายุยังน้อย บางท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร แต่ภูมิจิตภูมิปัญญาของท่านมาก เพราะฉะนั้น เจ้าก็ควรเคารพสักการะด้วยจิตใจ นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น เขานับที่อายุธรรมะกันนะ ไม่ได้นับที่อายุแก่ แก่กะโหลก กะลา มันก็ไม่ได้เรื่องอะไร

(คุณวิโรจน์) ท่านครับ มนุษย์ในโลกนี้ ที่แก่เพราะเกิดมานานกว่า ผมแก่นี่แสดงว่าผมเกิดมาก่อน

(ผู้ สูงสุดฯ) แก่เพราะเกิดมานาน เป็นสมมุติของอายุมนุษย์ในโลกนี้ตามธรรมเนียมธรรมดา เอาไว้นับว่าใครแก่กว่าใครเท่านั้น แต่ถ้าแก่กันจริง ๆ แล้ว นับตามการเคารพ ต้องนับในคุณธรรมของเขา

เพราะฉะนั้น ข้าไม่อยากจะว่านะ พวกนักการเมือง นักบริหารประเทศของพวกเจ้าน่ะ แก่ ๆ ก็มี 70, 80 ที่เล่นการเมือง จนตายคาการเมืองไปก็มี แต่มันน่านับถือไหม ? ถ้าวาระจิตของเขาไม่ดี เพราะฉะนั้น ถึงเขามีบารมีทางโลก เขามีอายุมากทางโลก แต่ในวาระจิตในภูมิธรรมของเขาแล้ว มีความโลภโมโทสัน ก็ไม่น่าเชื่อถือละนะ ไม่น่าที่จะไปกราบไหว้

เพราะฉะนั้น บุคคลที่มีอายุไม่มากไม่น้อย หรือว่าอายุน้อยกว่าพวกเจ้า แต่เขาสามารถให้ธรรมที่เขาปฏิบัติดี ประพฤติดี ประพฤติชอบ นั่นแหละ เป็นสิ่งที่พวกเจ้าสมควรนับถือ เคารพในภูมิปัญญาของเขา ในสิ่งที่เขาจะให้ปัญญากับพวกเจ้า นั่นแหละเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า...


การ ที่จะสั่งนำยานอวกาศมาอนุโมทนานั้น มาจากวาระจิตของพวกเจ้านั่นแหละ ไม่ได้สั่งจากไหนเลย ไม่ได้สั่งจากวาระจิตของข้าพเจ้า สั่งจากวาระจิตของพวกเจ้า จะเล็งในวาระจิตของพวกเจ้านั่นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าดวงจิตของพวกเจ้ามีความประภัสสร มีจิตเบิกบาน มีความสงบ มีความสำรวม มีความละมานะทิฐิของตัวเอง มีจิตจำนงมุ่งตรงสู่พระนิพพาน ซึ่งเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตัวเอง ข้าพเจ้าก็จะสั่งมาตามวาระจิตในส่วนรวม

เพราะ ฉะนั้น เจ้าเป็นผู้กำหนด กำหนดว่ายานอวกาศมาใกล้มาไกล เพราะฉะนั้นจะไปโทษใครไม่ได้ ตอนนี้นะโทษผู้อื่น .... ทำไมไม่มานะ..ใช่ไหม? แหม ... ท่านใจร้ายจังเลย ทำไมไม่มาใกล้ ทำไมมาไกล มิใช่ข้าพเจ้า ขอกล่าวนี้เป็นสัจจะวาจา

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างอยู่ในความสามัคคีของพวกเจ้าในวาระจิตของพวกเจ้าที่มีความสามัคคี รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว เพราะการที่จะเป็นผู้นำ เป็นทหารในกองทัพของข้าพเจ้า จะต้องมีความสามารถ รวมทั้งเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเป็นพลังซึ่งส่งมา และข้าพเจ้าจะประเมินเอง เพราะฉะนั้น ตรงนี้ให้รับทราบโดยทั่วกันว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเจ้า ขึ้นอยู่กับวาระจิตของพวกเจ้า

จากการ ที่มีเทพต่าง ๆ หรือผู้ที่มีความเจริญจากต่างจักรวาลมาคอยดูแลพวกเจ้านั้น ก็มาตามบารมีของพวกเจ้านั่นเอง เจ้าเป็นผู้ที่มีบารมี จึงต้องมีผู้ที่มาประคับประคองให้เจ้ามาสร้างบารมีกันต่อไป เป็นการเกื้อหนุนของกันและกันของธรรมชาติ มันมิใช่เป็นการบังเอิญ หรือเป็นความฟลุค หรืออะไรต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากกฎธรรมชาติ

ยก ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย อันนี้พูดถึงเรื่องระบบร่างกายของเจ้า ก็จะมี...เออ..นี่มันลึกไป แต่มันคงไม่ลึกไปเท่าไรหรอกนะ เซลล์มันจะขาว ๆ ในการที่จะปกป้องหรือมากำจัดเชื้อโรค อันนี้ก็คือเป็นสิ่งที่อัตโนมัติ ในกฎของธรรมชาติ

เพราะฉะนั้น ร่างกายของเจ้าเอง มันทำงานยังไง มันมีระบบการบังคับบัญชาอย่างไร .... พวกเจ้าก็ไม่สามารถไปสั่งได้ ... เอ้า..กล้ามเนื้อหัวใจเต้นช้าลงหน่อยซิ ตอนนี้ใจมันสั่น .. มีแต่มันยิ่งสั่นยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะฉะนั้น ตรงนี้ ถ้าคิดว่าร่างของเจ้า เป็นของเจ้า มันไม่ใช่ มันเป็นของธรรมชาติทั้งหมด

สิ่งนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยนนะ ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งรวมกันแล้วก็คือตัวเจ้า ความรู้สึก ความนึกคิดทั้งหลายทั้งมวล ซึ่งอยู่ในร่างของเจ้า   ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันก็ไม่ใช่ตัวเจ้าเลย.

 .......................................

(ข้อความส่วนหนึ่ง ในการให้โอวาท เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2542)