วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โอวาท..จากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต

ขอขอบคุณ  หลาย ๆ ท่านที่ได้ให้ความสนใจ และติดตามอ่าน 
"ข้อความจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต"  ที่ได้มีการให้โอวาทแก่ผู้ฝึกจิต  ให้ความกระจ่างในเรื่องของกฏธรรมชาติ  เตือนสติ  และชี้แนะแนวทางการปฏิบัติเพื่อการละวางอัตตาตัวตนให้กับมนุษย์โลก  ผู้ร่วมทำงานในโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติบนโลกมนุษย์ในครั้งนี้

การ ได้รับรู้  การได้รับฟัง  การได้รับทราบแนวทางของการปฏิบัติ   ผ่านข้อความ  ที่ผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว  ซึ่งมีความเจริญทั้งทางจิต  และเทคโนโลยีควบคู่กันไปนั้น   แทนที่จะสอนใจเราสนใจในอวกาศ  ในโลกลึกลับ  ในเรื่องของเทคโนโลยีจากต่างดาว

แต่ตรงกันข้าม  กลับสอนแต่ให้ดูขันธ์ห้า  ให้ละอัตตาตัวตน  ให้รู้เท่าทันทุกข์ และชี้แนะแนวทางเพื่อออกจากทุกข์ 

นั่น แสดงว่า  เรื่องนี้สำคัญที่สุด  สำคัญกว่าการที่จะไปค้นหา  ไปศึกษา ไปเรียนรู้นอกโลก นอกจักรวาล  ซึ่งจะเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ   เพราะเวลาของทุกสรรพชีวิตที่ยังเหลืออยู่บนโลกนี้  ก็มีน้อยอยู่แล้ว

ดังนั้น  ได้เคยกล่าวไว้อย่างต่อเนื่องมาตลอดว่า 
นี่เป็นการ "แจ้งเพื่อทราบ"  เท่านั้น 

ไม่ว่าจะเป็น "การแจ้งเพื่อทราบ"  ในเว็บไซด์  www.ufokaokala.com แห่งนี้  หรือในเว็บไซด์อื่น ๆ  รวมถึงการจัดกิจกรรม  การบรรยายเรื่องราวของกลุ่มประสานงานฯ ณ สถานที่ต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็ตามนั้น  ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า ....

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)   เป็นกลุ่มที่ได้รับการติดต่อสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวมาอย่างต่อเนื่องยาว นาน  และมีการรวมกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อในเรื่องเดียวกัน   พบเจอปรากฏการณ์คล้ายกัน  และมีความเข้าใจในการที่จะทำงานร่วมกัน  เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันกับที่มนุษย์ต่างดาวได้กล่าวไว้  คือให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกในยามที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่บนโลกใบนี้

นี่คือความเชื่อของกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้  ที่ชื่อ  กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

และความเชื่อนี้  ก็เป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม  ไม่ได้มุ่งหมายที่จะไปเปลี่ยนความเชื่อของบุคคลอื่น ๆ เลย

ดังนั้น  เส้นทางที่จะเดินไปยังจุดหมายปลายทาง  ที่แต่ละคนได้เลือก ได้ไตร่ตรอง ได้พิจารณานั้น  มีหลายเส้นทาง 

ทุก คน  ต้องใช้ปัญญาพิจารณาเส้นทางที่จะต้องเดินไปของตนเอง  ทางใดที่เห็นว่าดี  เห็นว่าถูก เห็นว่าเหมาะสมสำหรับตนเองแล้ว  ก็ควรเร่งที่จะมุ่งหน้าเดินไป  ตามลู่ทางที่ตนเองได้เลือกไว้ด้วยความตั้งใจเถิด


เพราะนี่คือประโยชน์ตนของแต่ละท่าน  ในยามที่เวลายังมีอยู่

ในความไม่เชื่อ  ในความไม่ศรัทธา  ในสิ่งที่เห็นว่าไม่น่าเชื่อถือในเรื่องใด ๆ  ก็ตามนั้น 

ขอ ท่านอย่าได้เสียเวลา  โดยปล่อยให้เวลาที่มีค่าของท่านผ่านไปโดยไร้ประโยชน์เลย   ควรใช้เวลาที่มีค่าของท่านทำในสิ่งที่มีประโยชน์กับดวงจิตของท่านจะเหมาะสม กว่า  อย่าเสียเวลากับความลังเลสงสัย   ที่ยังหาคำตอบไม่ได้อีกเลย

ส่วน ท่านที่หมดความลังเลสงสัย  ลองปฏิบัติตามแนวทางละวางอัตตาแล้ว  ความทุกข์ได้ลดน้อยลงไป  ก็ควรใช้เวลาอันมีค่าแต่ละวินาทีที่มีอยู่  เร่งเดินหน้าปฏิบัติต่อเนื่องไป  เพื่อพัฒนาความสามารถในการเห็นความว่าง   ปล่อยวาง  ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ห้าให้มากขึ้นให้ได้โดยเร็ววัน  เพราะท่านคือบุคคลที่สำคัญในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในโครงการนี้

ขอ นำข้อมูลการให้โอวาท  จากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต  เมื่อปี 2542  ที่เขากะลา  มาให้ท่านที่สนใจได้รับทราบเพิ่มเติม  อาจทำให้หลายท่านเกิดความกระจ่าง  เห็นภาพมุมกว้างของโครงการนี้  ที่ทำไม  ผู้ทรงภูมิปัญญาจากดวงดาวอื่น ๆ   จึงได้ให้ความสำคัญกับผู้ร่วมทำงานแต่ละท่านอย่างเหลือเกิน

....คำตอบ....จากคำถามเหล่านั้น  อาจจะทำให้หลายท่านเกิดความกระจ่าง มากขึ้น 
 



..................................................................................


ข้อความส่วนหนึ่งของการให้โอวาท
จากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต
ณ เขากะลา  นครสวรรค์
วันที่ 6 มีนาคม 2542



....

(ผู้ สูงสุดแห่งดาวพลูโต)  -  ข้าพเจ้า หรือที่พวกเจ้าเรียกว่า ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต  ในการที่ข้าพเจ้านำพระญาณ และนำเทคโนโลยีรวมทั้งผู้เจริญจากดวงดาราต่าง ๆ และจากต่างจักรวาลนั้น  ในส่วนนี้ในการไตร่ตรองในส่วนรวมแล้ว  มีการระบุในทุก ๆ อย่างไว้อย่างชัดเจนนะ  แต่ในตรงนี้จะขอทำความกระจ่างในกฎกติกา หรือกฎของธรรมชาติ  ทบทวนในจุดมุ่งหมายของการมาของข้าพเจ้าในส่วนแรก  และในตอนท้ายนั้น  จะพูดถึงสถานที่ที่พวกเจ้าจะบำเพ็ญบารมี  หรือจะอยู่อาศัยในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป  ในส่วนตรงนี้พวกเจ้าที่นั่งอยู่ ณ สถานที่นี้  ยังมีใครมีความลังเลสงสัยในเรื่องของภัยพิบัติอีกไหม?

(ไม่มีครับผม)

(คุณจีราวรรณ) ในเทปของ ดร.เทพนม  นั้น  บอกว่ามนุษย์ต่างดาวไม่ได้ลงมาช่วยมนุษย์  แต่จะให้มนุษย์ช่วยมนุษย์เอง 
แต่ท่านบอกว่าจะช่วยมนุษย์...อันไหน..ที่ถูก?


(ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต)  เออ...แล้วเขามาอยู่ในกลุ่มนี้ไหม ?  มนุษย์ต่างดาวเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน...

(คุณจีราวรรณ) คือว่า  มีฝ่ายดำ  กับฝ่ายขาวใช่ไหม?   

(ผู้ สูงสุดแห่งดาวพลูโต)  ไม่ใช่ ... มีฝ่ายที่สามารถช่วยเจ้าได้จริง  กับสามารถช่วยได้แค่เตือน  จงฟังไว้...เหมือนจิตของมนุษย์  มีผู้ที่มีความสามารถ  กับผู้ที่มีความสามารถในการพูดในการบอก  กับผู้ที่มีความสามารถได้ทั้งพูด ได้ทั้งบอก  และได้ทั้งกระทำให้การช่วยเหลือ...

เพราะฉะนั้น  ตรงนี้เจ้าต้องมีการไตร่ตรอง  มีการแยกแยะ  และมีการใช้ปัญญา และใช้ศรัทธาของพวกเจ้า  เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีการเรียนรู้จากที่ไหนมาก่อน

เพราะ ฉะนั้น  ตรงนี้ไม่มีครูมาก่อน  แต่สิ่งที่ได้ประสบพบเจอต้องใช้ปัญญาและวิจารณญาณของตัวเอง  และมีจิตเก่าจึงจะมีศรัทธาในการที่จักไตร่ตรองและกระทำในส่วนที่เห็นว่า  เราสมควรทำ

เพราะฉะนั้น  ในส่วนตรงนี้นะ...เออ  มีการถามขึ้นมาแล้ว  ก็เป็นการดีที่ข้าพเจ้าจะบอกว่า  มนุษย์ต่างดาว  ดวงดาวในจักรวาลนี้  หรืออนันตจักรวาลนั้นมันนับไม่ถ้วน  มันมากมายเหลือเกิน  จึงไม่รู้ว่าจะพูดถึงหรือแยกแยะยังไงได้หมด  ตรงส่วนที่เขาได้เคยมาสร้าง   หรือได้เคยมามีประวัติอะไรในโลกของเจ้านั้น  เป็นอดีตที่ผ่านมา ข้าพเจ้าจะไม่พูดถึงว่าเขาเป็นใครกันบ้าง  เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรในการพูดถึงสิ่งที่ล่วงลับไปแล้ว  ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เจ้าเห็นว่ามีส่วนที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม  เพราะมันผ่านไปแล้ว  และเป็นสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายไม่ได้ประสบด้วยตัวเองกันทั้งนั้น  จึงไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิง

แต่ในปัจจุบันนี้  ในขณะนี้  และ ณ วินาทีนี้  เราอยู่ที่ไหน  เรากำลังประสบกับอะไร?  มีองค์ประกอบอย่างไรบ้างในการที่จะชักนำให้เรามา ณ สถานที่นี้  และจะเป็นผู้นำของเราในการที่จะปฏิบัติในวาระจิตจากปัจจุบันนี้และในอนาคต 

เพราะฉะนั้น  การที่เราทำจิตอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุดนั้น  เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด  เพราะปัจจุบันนี้  คือสิ่งที่เราทำได้เดี๋ยวนี้  ณ วินาทีนี้  เพราะในความจริงแล้ว  วันพรุ่งนี้มันเป็นสิ่งสมมุติ  มันไม่เคยมาถึงเราเลยวันพรุ่งนี้เนี่ย  เมื่อเราตื่นนอนขึ้นมามันก็เป็นวันนี้เสียแล้ว  มันมีที่ไหนวันพรุ่งนี้...

เพราะ ฉะนั้น  การที่เราคิดจะทำจิตของเราให้ผ่านเข้าไปถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุดของเรานั้น  ต้องทำตอนนี้  วินาทีนี้  ในเวลาที่เราหายใจเข้า หายใจออกอยู่นี้  มันจึงจะถูกต้อง  อย่าไปหวังว่าพรุ่งนี้บารมีเราจึงจะเต็ม  ทุกวินาทีมีค่าอย่างยิ่งในการที่จะปฏิบัติสติของเรา..


(1)

…..





สำหรับ หลักการ  จะต้องเข้าใจตรงกันนะตรงนี้  นโยบายเป็นสิ่งสำคัญ  จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอยู่ที่วาระจิตของเจ้า  แต่ถ้ารับทราบนโยบายผิดเพี้ยนมันจะสามารถเดินทางตรงได้ไหม?  มันก็เดินไม่ได้  เหมือนคนที่ปฏิบัติพระพุทธศาสนา

....เอ้า  มีอะไรกลม ๆ ไหม?  ... ถ้าไม่มีจะทำมือนะ  เอาฝาหม้อ  เอามา  ฝาหม้ออีกแล้ว  ดี ดี...





ตรง นี้นะ  จุดกลางตรงนี้นะ  เรียกว่า องศา  ของพวกเจ้า  วงกลมนี้มันก็เรียกว่ามี 360 องศานะ   ในส่วนตรงกลางนี้นะเปรียบเสมือนผู้ที่มาเจอพระพุทธศาสนา  อยู่ตรงกลางเลย  มีทางแยก 360 ทาง

การปฏิบัติของเราขั้นต้นนะ  รักษาศีล  หรือธรรมะขั้นพื้นฐานมันจะแยกไม่ออก  มันจะเหมือน ๆ กันเพราะมันเป็นขั้นพื้นฐานนะ  เหมือนเด็กที่เรียน ก.ไก่ ข.ไข่ อนุบาลน่ะ  เรียนมาพร้อม ๆ กันขั้นต้น  เราจะไม่รู้ได้ว่าไอ้คนนี้โตขึ้นมันจะเป็นดอกเตอร์ ไอ้คนนี้โตขึ้นมันจะเรียนได้แค่ ป.6 เพราะปัญญามันไม่ไปแล้ว ตรงนี้แยกไม่ออกเหมือนกัน

ก็เหมือนกับตรงนี้  ทำยังไงล่ะจะแยกออก  ไม่รู้ว่ามันจะถึงขั้นลึกนะ มันแยกไม่ออก  สมมุตินะตรงนี้

ทาง สายที่ถูกต้อง  ถึงแม้ว่าการปฏิบัติหลายอย่าง  แต่การที่จะนำจิตให้ถูกต้อง  จะต้องมีทางเดียวถูกไหม?  คือการลด ละ เลิก  และการละกิเลส  ไม่ว่าท่านจะมีส่วนของสิ่งประกอบหรืออิทธิวิธีต่าง ๆ  แต่ทำไมไม่รู้จักวาง  ทำไมจะไม่ได้  มีอยู่ทางหนึ่ง

สมมุติ นะ  นิ้วชี้นี้นะ  ต่อเมื่อมีผู้ปฏิบัติในขั้นลึกในการทำจิตให้แยบคายในขั้นลึกนะ  ถ้าเบี่ยงไปแม้สัก 1 องศา  เจ้าคิดดู  ในขั้นต้นนะ  ทางตรงไปยังงี้  เบี่ยงไปแค่องศาเดียว เมื่อเดินตามนั้นลึก ๆ ๆ ไปนะ  ทางตรงทางนี้นะ  ยิ่งไกลออกนอกลู่นอกทาง  แล้วไปตามนี้เพราะอะไร  เพราะอาจารย์อยู่  อาจารย์บอกมานี่  เพราะอาจารย์ไปถึงขอบนี้แล้ว  เพราะเขาก็ยังไม่รู้เหมือนกัน  เขาคิดว่าตรงนี้น่ะดี  ตรงนี้นะ  วาระจิตของเขานะ  ทุกคนอยากปฏิบัติดี  ปฏิบัติถูก  ปฏิบัติตรงกันทั้งนั้น  แต่ก็บอกแล้วว่ามันยุคเสื่อมนะ  มันหายาก  พวกเจ้าก็อยากแสวงหาธรรมะที่มันถูกต้อง  รู้ไหม  มันหายากเพราะอะไร  เพราะมันยุคเสื่อมหนึ่ง  เพราะโลกาภิวัฒน์  มันภิวัฒน์มากเท่าไรมันก็ยิ่งห่างไกล  ไอ้โลกาภิวัตน์นั้นมันอยู่ตรงข้ามนี่    มันคนละเรื่องกับธรรมะ   อันไหนที่มันได้เปรียบมันถือว่าดี   เดี๋ยวนี้  คนเดี๋ยวนี้  ถ้าใครไม่รู้ทันใคร  หรือเสียเปรียบใครนะ  ไม่อยากจะคบเป็นเพื่อนเลย  มาคบกับเราทำให้เราเสียเปรียบไปด้วย  จริงไหม? ในวาระจิต  ยิ่งอยู่กรุงเทพฯ  โอโห...ไม่ต้องบอก  การที่จะให้อะไรลงไป  ต้องคิดว่าเราจะได้อะไรกลับมา  ไม่ว่าจะคิดเป็นรูปธรรม  หรือนามธรรม  หรือการยอมรับนับถือ 

เพราะฉะนั้น  มันจะอุทิศชีวิตได้ไหม  ไม่ต้องพูดถึง  พูดถึงไม่ได้  มันไม่เข้าหูเขาหรอก เขาว่าพวกเรานี่โง่  สุดโง่แล้ว  มาทำอะไรกันตรงนี้  ภัยพิบัติจะมาถึง  รู้ทั้งรู้  ยังต้องมานั่งฟังธรรม  ปฏิบัติธรรม  น่าจะสะสมในสิ่งที่เตรียมกันมาในอะไรต่างๆ ส่วนต่าง ๆ สร้างไว้เราจะได้อยู่ได้นาน ๆ เราจะได้สุขสบายเยอะ ๆ  เขาว่าเราโง่รู้ตัวไหม?  รู้ตัวว่าโง่ก็ดีแล้ว  จะได้ฉลาดขึ้นมาอีกหน่อย  หมดธรรมะจากฝาหม้อ..เอาคืนไป...


(2)

...





ความ โลภของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด  โลกนี้ถ้ามันเป็นเจ้าของมันก็ไม่พอหรอก  มันจะไปยึดดาวอื่นอีก  จริงไหม?  มนุษย์ขนาดที่มันเหยียบนี่กี่ตารางนิ้ว  ที่เท้าสองเท้าของทุกท่านเหยียบนี่  นี่มันเท่าไร?  แล้วมันอะไรกันนักหนา  กิเลสทั้งนั้น  เออ...ไอ้พวกนี้มันกำเริบ  ลมกำเริบ  เดี๋ยวมันก็ตาย  มันก็ฆ่ากันตายเองแหละ  นะ  มันก็สมควรตายทั้งคู่  อันนี้ไม่ได้ว่าอะไร  ตามกรรมของมันนะ  มันก็เตรียมจะยิงกันอยู่แล้ว  ตายกันไปคนละฝ่าย เฮ้อ  มันมีใครดีไหมนี่  มันเป็นความอยากไม่สิ้นสุดนะ  เราไม่ว่าใครจะยังไง  แต่เมื่อความอยากแล้วจิตไม่บริสุทธิ์  แล้วเราก็ไปตามความอยากของมัน  ถ้าอยากสวย  อยากหล่อ  อยากดี  อยากใหญ่  อยากเก่ง อยากเด่น  อะไรน่ะ  มันก็ไปตามความอยากของมัน  ปรุงแต่งไป  ตรงนี้น่ากลัวมาก  ความอยากน่ากลัวกว่าความไม่อยาก..ถูกต้องไหม?   

ส่วนตรงนี้  ใช้เวลามากสักหน่อยในการทำความเข้าใจถึงจุดมุ่งหมาย ทบทวนทุกท่านนะ  สำหรับกฎของสิ่งที่ข้าพเจ้ามานะ  ทำไมมาช่วยเหลือพวกเจ้า ก็ได้บอกไปแล้วนั้น  ทำไมไม่ไปในส่วนที่ผู้มีบารมีที่ปฏิบัติมีฌานมากกว่ามากมาย 

ข้าพเจ้า ไม่ได้พูดถึงบุคคลอื่น  พูดถึงข้าพเจ้าทำไมถึงไม่ไป  เพราะว่าอะไร?  เพราะยังไงก็ตามก็ไม่สำคัญเท่ากับผู้รักษาพระธรรม  เพราะฉะนั้น  พวกเจ้าสำคัญในการที่จะรักษาพระธรรม  ถ้าพวกเจ้าไม่มีพระธรรม  อย่าหาว่าข้าพเจ้าไม่เกรงใจนะ  เมื่อไม่มีธรรมแล้ว  มันก็ไม่รู้จะเอาไปทำไม  ใช่ไหม? 

เงินทางโลกเจ้า....ข้าพเจ้าก็ใช้ไม่ได้  ...อาหารก็กินไม่ได้  ที่อยู่...ก็เป็นพิษ  แถมทหารที่ข้าพเจ้าพามานี่นะ อาจต้องเสี่ยงถึงชีวิตในการที่จะมาช่วยเหลือรักษาในการที่เจ้าสามารถรักษาพระธรรมได้  เขาเสี่ยงชีวิต    เพราะฉะนั้น  ตรงนี้เขาต้องอุทิศแม้กระทั่งชีวิตเหมือนกัน  ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวจะไม่ตาย  เป็นมนุษย์แต่อาจจะมีภาวะพลังงาน หรือสรีระ  หรือธาตุทั้ง 4 น่ะ  มันไม่เหมือนพวกเจ้า   อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในส่วนของที่เขาอยู่หรือตามสภาพของดวงดารานั้น ๆ ตรงนี้เป็นเรื่องของธรรมชาติอย่าไปสนใจ  หรือว่าศึกษามากในรายละเอียดตรงนี้  เรานี้อากาศเย็นเท่าไร  ร้อนเท่าไร  ประชากรกี่คน  เลิกสงสัย เลิกถามได้แล้ว  แค่โลกของเจ้าเรียนยังไม่จบเลยนะ  ตรงนี้ต้องตัดไปนะ  ถึงมีความอยากรู้  ตรงนี้ต้องตัดไป เอาส่วนที่สำคัญก่อน  ต่อไปไม่ใช่แค่เรียนรู้  จักรู้ด้วยตนเอง  เพราะฉะนั้น เมื่อเจ้าจิตถึง เราก็ถึงเจ้าตรงนี้ 

... เพราะฉะนั้น  การที่พระพุทธองค์ทรงยกพระธรรมคำสั่งสอนเป็นศาสดาแทนท่าน  นั่นคือถูกต้อง  นั่นคือเนื้อธรรมที่ท่านบอก  กายหยาบที่ละสังขารไปมันก็ใช้ทำอะไรไม่ได้  แต่พระธรรมเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่จะเป็นศาสดา  หรือสิ่งที่เราจะเคารพบูชา  เพราะฉะนั้น  เรากำลังจะเป็นผู้ดำรงธรรม  เป็นเกียรติสูงสุด  เทพก็ต้องสรรเสริญพวกเจ้า  พรหมก็ต้องสรรเสริญพวกเจ้า  เพราะเขาไม่มีโอกาสในการอธิฐานจิตมาอยู่ ณ สถานที่นี้ได้  ไม่ใช่ว่าใครก็ได้นะ  ไม่ใช่...ต้องมีบารมีเพียงพอนะ

เพราะ ฉะนั้น  เจ้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว  เรียกว่าประเสริฐนะ  ทุกคน  แต่ในส่วนการระลึกชาติ  หรือการมองเห็นล่วงหน้านั้น  มันไม่จำเป็น ให้รู้จิตว่า  ภาวะจิตของเราตรงนี้ให้ทำให้ดี


(3)

...



... เราตั้งจิตมุ่งหมายแล้ว เราต้องทำจริง  เราต้องตั้งใจว่าทำกันจริง   พูดว่าขึ้นยานฯ นี่มันโก้  โก้แน่นอน  ที่มากันนี่อยากขึ้นยานฯ  เพราะคิดว่ามันโก้ดีกว่ายานอวกาศรัสเซีย  ไม่สนเท่ายานฯของข้าพเจ้า  แต่กว่าจะโก้กันได้อย่างนั้น  ต้องตากเหงื่อกันน่าดู   ตายต้องยอมสละกัน  ถูกต้อง  ตรงนั้นเขาต้องเสียเงิน  ต้องมีความสามารถ 

แต่ตรงนี้ ต้องเสียชื่อเสียงนะ  บางคนเสียญาติมิตร  ไม่คบ  มันไม่น่าคบ  บางคนนึกว่าเราเสียจิตนะ  ถูกไหม?  ผ่านการเสียดสี  ที่เรียกว่าเราเสียดสี  ที่ว่าเราผ่านการเสียดสี  ยิ่งถูกเสียดทานมาก  ยิ่งบ่งบอกว่า  เราเป็นบุคคลที่มุ่งมั่นต่อพระธรรมมาก   เพราะฉะนั้นใครที่ยังไม่โดนว่าเป็นพวกที่หลงงมงาย  หรืออะไรก็ตาม  ยังไม่โดนแรงเสียดทานนั้น  บารมีเขยิบได้น้อยนะ  เพราะยังไม่ถูกแรงต้านทาน  ถึงใคร ๆ เขาว่าเราบ้า  ยินดีนะ  ที่มีผู้รับรอง

ใน สมัยก่อน  มนุษย์ต่างดาวเคยลงมาเจอมนุษย์  ในสมัยก่อนในทวีปยุโรป หรือทวีปใดของพวกเจ้า  พบแล้วเป็นไง พบแล้วอยากอีก   ตรงนี้ไม่มีประโยชน์  ในการที่เมื่อเรารู้  เรามีการไตร่ตรอง เราจะต้องทำสิ่งที่มีประโยชน์สูงสุดสำหรับบุคคลที่เราจะดูแลเขา 

เพราะ ฉะนั้น  ถึงเจ้าร่ำร้องอย่างไร  เขาก็ยังไม่มาเพราะดวงจิตของเจ้ามันไม่พร้อม  มีไหมร้องไห้อยากจะเจอเขาน่ะ  ทุกคนมีจิตผูกพัน เรียกว่ามีจิตเก่า  เราเคยเจอกันมาก่อน  มีจิตผูกพันกับมนุษย์ต่างดาว  มันไม่แปลก  เพราะมีจิตผูกพันกันมาก่อน  ข้าพเจ้านี่แหละเคยเจอพวกเจ้ามาก่อน  มาแนะนำตัวกันก่อน  แล้วค่อยมาเจอกันใหม่  ตรงนี้มันจะคุ้น ๆ  นะ 

มัน มีขอบเขตจำกัดในการปฏิบัติเรื่องใด ๆ    ตรงนี้เป็นใบไม้นอกกำมือ  เจ้าเรียนรู้ไม่หมดหรอกขอบอกไว้ก่อน  สติแตกก่อนน่ะ   ภพมนุษย์ในภพปัจจุบันนี้สมองมันรับได้เท่านี้  สมองนะถึงบอกมันก็รับไม่ได้   และบารมีในการเรียนรู้มันก็มีขีดจำกัด  เพราะฉะนั้น  ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  มันเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดของพวกเจ้าอยู่แล้ว..

(4 จบ)..



...........

ข้อความส่วนหนึ่งที่ถอดจากเทปบันทึกเสียง
ของการให้โอวาทของผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต
วันที่ 6 มีนาคม 2542
ณ เขากะลา  นครสวรรค์